การเลือกซื้อและเช่าเครื่องเสียงให้ได้คุณภาพกับการใช้งาน

2011_12_16_165500_0_kcMhhabn

เชื่อว่าหลายท่านคงอยากจะมีชุดเช่าเครื่องเสียงที่มีประสิทธิภาพสักชุดหนึ่งเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เพื่อการพักผ่อน แต่ต้องมาเจอปัญหาสารพันที่คาดไม่ถึงไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตา สเปกเครื่อง รีซีฟเวอร์ ระบบลำโพงแบบ 5.1 แชนแนล  ซับวูฟเฟอร์ รวมทั้งยังต้องเจอลูกเล่นของพนักงานขายที่พยายามยัดเยียดสายสัญญาณดิจิตอล ทั้งที่เป็นแบบใยแก้วนำแสงหรือสายโคแอ็กเชียล สายอะนาล็อก ขั้ว RCA และสายลำโพง ดังนั้นบทความนี้จะแนะนำสำหรับมือใหม่ที่กำลังคิดไม่ตกว่าจะเลือกเช่าเครื่องเสียง Reciever อย่างไร ลำโพงอย่างไร จะซื้อเครื่องที่เป็นแซ็ตดีหรือไม่เพื่อให้มือใหม่พอมีพื้นฐานความเข้าใจก่อนไปเลือกซื้อ http://musicclubtonaum.com/

ลำโพงทั้งหมดควรจะเป็นลำโพงยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันเพราะจะทำให้สนามเสียงที่ได้กลมกลืนกันทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้ขายได้พยายามขายเป็น Set อยู่แล้ว  ราคามีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Low ถึง Hi แต่หลักในการเลือกซื้อเหมือนกันคือสเปกลำโพงต้องอยู่ใน Series เดียวกัน สำหรับ Reciever ซึ่งเป็นตัวขยายเสียง ยิ่งมีความยุ่งยากวุ่นวายมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันรีซีฟเวอร์มีการพัฒนาทางเทคโนโลยี่ช้ากว่าแอมปลิฟลายสำหรับฟังเพลงที่มีให้เลือกมากกว่าและออกแบบวงจรที่หลากหลายกว่า  นับตั้งแต่ชุดเช่าเครื่องเสียงเกิดขึ้นมาในตลาด Home Use ระบบโฮมเธียเตอร์ยังคงมุ่งเน้นผลิตให้กับกลุ่ม Mid-End จนไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของรีซีฟเวอร์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ ผู้ผลิตเช่าเครื่องเสียงยังคงมุ่งเน้นพัฒนาเรื่องจุกจิกเพิ่มเข้ามาในเครื่องเล่นรุ่นใหม่ๆแทนที่จะพัฒนาปรับปรุงเรื่องของคุณภาพเสียง เช่นสนามเสียงเทียมในแบบต่างๆเช่น Hall, โรงหนัง, สนามเสียงที่ใช้ในห้องแคบๆการปรับเสียงตามแนวเพลงร็อค,แจ็ส,ป็อบ วงจรอีควอไลเซอร์ปรับแต่งความถี่สูงหรือเหล่าโปรแกรม Pro  Logic ทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่ทำให้คุณภาพเช่าเครื่องเสียงแย่ลง ถ้าถามคนที่ใช้งานจริงๆแล้วจะพบว่าการปรับเสียงปลอมๆเหล่านี้ทำให้คุณภาพเสียงของรีซีฟเวอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด Mode เหล่านี้เป็นเพียงลูกเล่นไร้ค่าสำหรับมือใหม่อยากให้พิจรณาในเรื่องของกำลังขับมากกว่า

วิธีการรักษาและการเก็บเครื่องสำอางให้ใช้งานได้นานขึ้นและปลอดภัย

กว่าสาวๆทั้งหลายจะเลือกเฟ้นเสาะแสวงหาเจอเครื่องสำอางต่างๆ ได้ถูกอกถูกใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางบำรุงผิว รองพื้นและกันแดดว่า จะใช้ยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี ที่ใช้แล้วเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรให้ความสำคัญเช่นกันก็คือ การเก็บรักษาเครื่องสำอางชนิดต่างๆให้ถูกวิธี เพื่อเครื่องสำอางของเราจะได้ใช้ดีมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าสมกับอายุการใช้งานและราคาของมันด้วย เพราะหากผลิตภัณฑ์นั้นถูกเก็บรักษาในสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิสูงเกินไป ต่ำเกินไป หรือถูกแสงแดดโดยตรง ก็อาจจะทำให้เครื่องสำอางเสื่อมคุณภาพหรือเสียไปเลยก็ได้ เลยจำใจต้องทิ้งครีมเครื่องสำอางเหล่านั้นทิ้งไป เพราะถ้าฝืนใช้ต่อคงไม่คุ้มกับปัญหาหน้าพังแน่!! ดังนั้นเราจึงได้นำวิธีเก็บรักษาเครื่องสำอางอย่างถูกวิธี ให้ใช้ได้นาน ๆมาฝากสาวๆทุกคนค่ะ

บริเวณที่เหมาะแก่การเก็บเครื่องสำอางคือ ควรเก็บไว้บริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดส่องถึงโดยตรงระหว่างวัน และมีอุณหภูมิประมาณ 25°C คือการเก็บรักษาเครื่องสำอางไว้ในที่ที่มีอากาศเย็นสบายหรือเก็บที่อุณหภูมิห้อง เก็บในที่แห้ง และแสงแดดส่องไม่ถึง อ่านวิธีการเก็บรักษาที่ฉลาก ที่ฉลากของเครื่องสำอางทุกตัว จะมีวิธีใช้และวิธีการเก็บรักษามาให้เสมอ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีอะไรยุ่งยากไปมากกว่า ”เก็บในที่แห้ง และแสงแดดส่องไม่ถึง” แต่ก็ควรเก็บรักษาให้ได้ตามนั้นจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเครื่องสำอางอาจเสื่อมสภาพล่วงหน้าไปก่อนวันหมดอายุไปนานเลยค่ะ เปิดฝาต่อเมื่อต้องการใช้เท่านั้น และเมื่อใช้ครีมเสร็จแล้วควรปิดฝาให้แน่น นอกจากเหตุผลเรื่องความสะอาดแล้ว เพื่อไม่ให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศโดยตรงด้วย นอกจากอากาศจะทำให้แห้ง ฝุ่นละออง แบคทีเรีย และเชื้อโรค ยังสามารถลงไปสัมผัสกับเครื่องสำอางได้ ซึ่งสามารถทำให้คุณสมบัติของเครื่องสำอางเปลี่ยนแปลงและอายุการใช้งานสั้นลง

วิธีการเลือกสินค้าพรีเมี่ยมมาขายอย่างมีสติเพื่อให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า

file5_20130706193610

การเลือกขายสินค้าพรีเมี่ยมนั่น ถือได้ว่าเป็นประเด็นหลักๆ ที่อาจช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการขายได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรจะมีก็คือการเลือกสินค้ามาขายอย่างมีสติ การเลือกสินค้าบางครั้งก็ต้องอาศัยกฏเกณฑ์ที่ซับซ้อนเช่นกัน แต่ในบางครั้งนั้นก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเลือกสินค้าพรีเมี่ยมใดๆ เลยถ้าเราได้เลือกกลุ่มสินค้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุผลก็เพราะว่าเมื่อเราได้เลือกกลุ่มไปแล้วนั้นสินค้าภายในกลุ่ม จะขายได้อย่างแน่นอนโดยไม่มีเงื่อนไขเพราะความแคบของตัวเลือกนั้นมีการเฉพาะ เจาะจงมากขึ้น เช่นกลุ่มสินค้าประเภทเสื้อผ้า ใน Amazon นั้นก็มีสินค้าอยู่มากมายก่ายกองเป็นร้อยเป็นพันล้านรายการ แล้วก็ยังมีสิ่งที่อาจเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน สินค้าบางตัวนั้นเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่ขายดีมากๆ แต่ว่าอาจไม่มีคนขายหรือเราค้นหาไม่พบ สินค้าเหล่านี้มักเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยจะดังเพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้กล่าวถึง แล้วนำมาทำเป็นเงินให้กับเราสินค้าลักษณะแบบนี้เรียกว่าสินค้าทำเงินพยายามอย่าสับสนระหว่างสินค้าขายดีกับสินค้าทำเงินเพราะความเหมือนที่ว่านั้นต่างกัน

ก่อนการเริ่มต้นที่ดีเราต้องมองถึงความเป็นไปได้ในระยะยาวของเราเสียก่อนว่าจะสามารถขายสินค้าพรีเมี่ยมเหล่านั้นได้นานตลอดทั้งปีหรือไม่อย่างไร หรือเราต้องแข่งขันกับใครบ้างในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเป็นผลสะท้อนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเท่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือจงมีสติให้รอบคอบก่อนการเลือกแนะนำสินค้าเสมอไม่ใช่สับแต่ว่าพอเราเห็นว่าเขาขายสินค้าพรีเมี่ยมใดได้ดีเราก็อยากจะมีส่วนแบ่งกับ เขาบ้าง หรือไปขายแข่งกับเขาโดยที่ลืมมองที่ความสามารถในการแข่งขันของเราเช่น การขายกล้องดิจิตอล หรือ ทีวีต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องแบกรับความยาวนานกว่าจะได้ขายแจ๊คเสียบทีวีสักเส้น ที่อาจมีราคาเพียงแค่ $9 ให้เราได้เจ็บใจเล่นๆ ไปตลอดทั้งปีก็เป็นได้ ฉะนั้นประเด็นสำคัญก็คือ ให้มองหาสินค้าที่อาจมีการแข่งขันที่น้อยเอามากๆ เพื่อนำมาทำตลาดและขายเพราะสินค้าเหล่านั้นจะเป็นสินค้าที่ทำเงินให้กับเรา ได้ตลอดปี และอาจจะตลอดไปด้วยถ้าคนอื่นไม่มาเจอกับสินค้าเดียวกับเราเสียก่อน โดยทั่วไปแล้วอาจใช้เวลาสักระยะ และบางสินค้าพรีเมี่ยมนั้นยาวนานจนเราอาจลืมไปแล้วว่าเรายังขายได้อยู่ทุกวัน เพราะสินค้าลักษณะนี้เป็นสินค้าที่ทำอยู่ปัจจุบัน แต่การแข่งขันก็น้อยมากเช่นมีจำนวนการแข่งขันเพียงแค่ 7-10 เพจเท่านั้นเอง แต่ก็ยังต้องแข่งอยู่ดีเพียงแต่ว่ามันแข่งกันไม่รุนแรงมากเพียงแค่เราต้องให้ได้อันดับที่ 1-3 มาครองก็พอแล้ว

เคล็ดลับในการเลือกกระเป๋าให้ตรงใจเราและไม่ตกเทรนด์

cm

ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆ หรือสาวๆ ของคู่กายที่ขาดไม่ได้แน่ๆ ถ้าต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกสิ่งก็คือกระเป๋าใช่ไหมล่ะค่ะ ก็เพราะว่าเราต้องมีของใช้ติดตัวไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเครื่องสำอางบางคนต้องมีสัมภาระของใช้มากมายพกติดกระเป๋าไว้เสมอ ดังนั้นถ้าหากเราจะเลือกกระเป๋าซักใบเอาไว้ข้างกาย เราถึงควรที่จะรู้จักวิธีเลือกกระเป๋าที่ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุดค่ะโดยวิธีการเลือกกระเป๋าง่ายๆ ก็คือ ก่อนจะตกลงซื้อ ลองตรวจดูก่อนว่ากระเป๋าใบนั้นสามารถใส่สัมภาระทั้งหมดของเราได้หรือไม่ โดย ให้ดูที่ความกว้างและช่องที่ใช้ใส่ของต่างๆ รวมทั้งลองกะดูน้ำหนักของกระเป๋าด้วยว่า ถ้าสมมุติเราใส่ของใช้ลงไปแล้ว เราจะสามารถทนแบกไหว หรือไม่ จากนั้น ให้ลองล้วงลงไปในกระเป๋า ว่าจะสามารถหยิบของได้สะดวกหรือไม่ ไม่ใช่จะหาทีต้องเทออกมาดู ทั้งกระเป๋าจึงจะเจอ เพราะกระเป๋าบางยี่ห้อ มีที่เก็บของได้มากมายดูแล้วไม่เสียทรง แต่เวลาหาของที หาไม่ค่อยจะเจอ แบบนี้อาจจะไม่สะดวกเวลาใช้งานจริง

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คือเราต้องดูด้วยว่าเวลาที่เราใส่สัมภาระเต็มที่แล้วรูปทรงของกระเป๋ายังคงรูปเดิมอยู่หรือเปล่า ถ้าใส่ของแล้วเสียทรงแสดงว่าคงไม่เวิร์กแล้วล่ะค่ะ ส่วนช่องใส่ของในกระเป๋าถ้าจะให้ดีจะต้องเลือกกระเป๋าที่มีช่องเอาไว้สำหรับเก็บของสำคัญด้วยจะได้เอาไว้ใส่กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือยังไงล่ะค่ะและเมื่อเราเลือกกระเป๋าใบที่คิดว่าถูกใจได้แล้ว ก็ให้ลองสะพายแล้วส่องกระจกดูให้ดีว่าเราสะพายแล้ว ดูเหมาะกับรูปร่างบุคลิกของเราหรือไม่ ถ้าเป็นกระเป๋าสะพายควรเช็คสายกระเป๋าให้ดีก่อนว่าสะพายแล้วไม่เจ็บหรือเสียดสีกับหัวไหล่ ถ้าเป็นคนที่พกของเยอะๆ ล่ะก็ให้ เลือกกระเป็นเป็นกระเป๋าที่สะพายพาดตัวได้ หรือเป็นเป้สะพายหลังไปเลยจะดีกว่ากระเป๋าสะพายข้างนะคะ และสุดท้ายสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนการซื้อกระเป๋าก็คือไม่ควรเลือกกระเป๋าที่น้ำหนักเบา เพราะส่วนมากกระเป๋าที่น้ำหนักเบา จะทำจากไนลอนหรือผ้าร่ม การจะทำความสะอาดให้ดูดี เหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่นั้นยากมากคะ